วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วิทยาศาสตร์บนไม้กวาดของแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter)

วิทยาศาสตร์บนไม้กวาดของแฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter)

แฮร์รี่ พอตเตอร์ขึ้นบินครั้งแรกด้วยไม้กวาดของโรงเรียนฮอกวอตส์ในวิชาฝึกบินของมาดามฮูช แต่ไม้กวาดด้ามแรก
ที่เป็นของเขาเอง คือ "นิมบัสสองพัน" ส่วนไม้กวาดด้ามที่ 2 ของเขา คือ "ไฟร์โบลต์" ซึ่งทำความเร็วได้สูงสุดถึง 240 ก.ม./ช.ม.
และสำหรับแฟนๆ ของแฮร์รี่ พอตเตอร์ คงไม่มีใครปฏิเสธว่าฉากควิดดิช เกมส์กีฬาของเหล่าพ่อมดแม่มดที่ใช้ไม้กวาดเป็นพาหนะนั้น เป็นฉากที่ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย แล้วมันจะมีโอกาสเป็นความจริงได้บ้างหรือไม่? จากหลักการในหนังสือ
"วิทยาศาสตร์ในแฮร์รี่พอตเตอร์" (The Science of Harry Potter) ของ Roger Highfield อธิบาย ดังนี้
คนที่สามารถล่องลอยบนอากาศได้ ต้องขึ้นอยู่กับการเอาชนะแรงโน้มถ่วงด้วยการสร้างพลังแม่เหล็กที่สมบูรณ์
ดังที่ Andre Geim จากฮอลแลนด์ ได้ทดลองยกกบตัวเล็กให้ลอยกลางอากาศ ด้วยพลังแม่เหล็กจาก
การใช้รูปแบบของสภาวะแม่เหล็ก ที่เรียกว่า Diamagnetism (วัตถุที่เมื่อนำแม่เหล็กเข้าใกล้ จะเกิดแรงผลักอ่อนๆ
ออกนอกสนามแม่เหล็ก เมื่อนำแม่เหล็กออกไป คุณสมบัติแม่เหล็กนี้ก็หายไปด้วย) การยกกบให้ลอยขึ้นสูงสองเมตร
ในกระบอกทดลอง ต้องใช้สนามแม่เหล็กที่มีกำลังสูงกว่าสนามแม่เหล็กธรรมชาติของโลกถึง 1 แสนเท่า และสูงกว่าแม่เหล็ก
ติดตู้เย็นประมาณ 10 ถึง 100 เท่า แต่ปัญหาคือ ร่างกายมีคุณสมบัติทางแม่เหล็กไม่สม่ำเสมอทั่วร่างกาย เนื้อหลังกับกระดูก
จึงถูกดึงขึ้นและรั้งลงไปทั่วร่างกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ ดังนั้น หากยังไม่มีทฤษฎีอื่นมารองรับ หรือวิทยาการที่ก้าวไกลมาก
ขึ้นอย่าเพิ่งทดลองบินด้วยทฤษฎีนี้จะดีกว่า


ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 13 ก.ค. 2552

วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เวลาเราท้อ สิ้นหวัง จะทำยังไง?

ให้เราคิดซะว่า ไม่มีสิ่งใดน่ากลัวเท่ากับเรากลัวใจของเราเอง นี้คือเท่าที่ผมคิดได้คับ
พยายามหาแรงพลักดันให้กับตัวเอง อย่าคิดว่าตัวเองไม่ดี (เลิกโทษตัวเองซะ แต่ก็อย่าไปโทษคนอื่นน่ะครับ)
ในความคิดผม ผมคิดว่าคนเราต้องมีดีซิ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งละ ถ้าคุณคิดอยู่แค่เรามันอย่างโน้นเรามันอย่างนี้ ก็พอดีอะผมว่า คุณก็จะเป็นอย่างนั่น อย่างที่คุณคิด อดีตที่ผ่านมาอย่าไปยึดติดกะมันครับ มันผ่านไปแล้ว
ไม่ว่าจะรู้สึกว่าตัวเราเหนื่อยใจ หรือ ท้อแท้ใจแค่ไหน ให้เราสู้อ่ะ ถึงผลมันจะออกมายังไง ก็ดีกว่ามานั่งโทษตัวเอง เพราะว่าเราได้ทำเต็มที่แล้ว จะไม่ต้องรู้สึกว่าสิ้นหวัง ยังไงเราก็ต้องมีทางออกทีดีอยู่ ให้เราคิดให้ดี พยามคิดให้มาก ๆ ก่อนที่จะทำอะไรลงไป เพราะ เราอาจจะทำมันได้แค่ครั้งเดียวในชีวิต ก็อาจจะเป็นได้ แล้วมันก็จะเป็นอุทาหรณ์สอนกับตัวเราเองว่าจงก้าวต่อไป อนาคตยังอีกไกล มองไปข้างหน้าครับ ข้างหลังเอาไว้เตือนใจ
ตัวเองเพื่อให้ตัดสินใจแบบไม่ลังเลใจอีก ที่แน่ ๆ ครับ เพื่อนช่วยได้ครับเวลาไม่ไหวจริงๆ ช่วยได้มาก แต่ก็ยังไม่ทั้งหมดน่ะ แต่ถ้าต้องอยู่คนเดียวในเวลาแบบนี้ อย่าไปสิ้นหวังคิดสั้นจนฆ่าตัวตายน่ะ มันไม่คุ้มกันครับ เพราะเรื่องมันไม่ได้จบที่คุณคนเดียวน่ะอย่าลืม ไหนจะ พ่อ-แม่ และ คนอื่น ๆ ยังมีคนที่ยังเป็นห่วงคุณอยู่เสมอ ไม่ว่าเจอกับเรื่องอะไรก็แล้วแต่ จะเรื่องเล็ก ๆ หรือ ร้ายแรงสักแค่ไหน ให้เราจำไว้นะครับ ยังไงก็สงสาร
พ่อ-แม่น่ะครับ

ด้วยความปราถนาดีจาก TopHard