วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

Ricoh CX1 กล้องคอมแพคท์คุณภาพสูงรูปทรงเรียบหรูคลาสสิกประณีตในทุกรายละเอียด



พร้อมเซ็นเซอร์รุ่นใหม่แบบ CMOS และเลนส์ซูมมุมกว้างขนาด 28-200 มม. ประสิทธิภาพสูงครอบคลุมทุกช่วงการใช้งาน

เราทดสอบกล้อง Ricoh รุ่น R10 ไปแล้ว ในคอลัมน์รีวิวฉบับที่ 61 (เดือนมกราคม) ซึ่งยังคงสร้างความประทับใจในเรื่องของความประณีตในการผลิตและการออกแบบรูปทรงคลาสสิกที่มีเอกลักษณ์เรียบหรูดูดีจากวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตตัวกล้อง จอ LCD ความละเอียดสูงขนาด 3 นิ้ว ที่ให้ภาพคมชัดและเลนส์ซูมมุมกว้างคุณภาพสูงกำลังขยาย 7.1x ที่ให้ภาพถ่ายคมชัดสวยงามเป็นธรรมชาติ

กล้อง Ricoh CX1 เป็นกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดของตระกูล CX ที่ถูกบรรจุเข้าไว้ในสายการผลิตของกล้อง Ricoh ซึ่งรูปทรงภายนอกของกล้อง CX1 ดูแล้วแทบจะไม่แตกต่างไปจากรุ่น R10 การออกแบบเน้นความเรียบง่ายควบคู่กับความประณีตในการผลิตที่ยอดเยี่ยม โดยมีบอดี้ภายนอกที่เป็นโลหะขึ้นรูปปั๊มนูนเป็นสันขึ้นมาเป็นกริปมือจับแบบดิบๆ โดยไม่มีการหุ้มยางกันลื่นตามปกติ แต่ก็ให้ความมั่นคงในการจับถือได้ไม่ต่างไปจากกริปมือจับที่เป็นยางอย่างที่หลายคนกังวล ส่วนด้านบนของตัวกล้องยังคงดูดีจากฝาครอบโลหะแผ่นเรียบโชว์ลายเส้นสวยหรูตัดกับตัวอักษรเซาะร่องที่คมชัดให้ความรู้สึกได้ถึงความตั้งใจในการผลิตได้เป็นอย่างดี โดยมีปุ่มเปิดปิดขนาดเล็กวางอยู่คู่ปุ่มชัตเตอร์ที่มีวงแหวนปรับซูม สีโครเมียมมันวาวที่ตอบสนองต่อการโยกปรับช่วงซูมได้โดยมีตัวอักษรและสัญลักษณ์แสดงโหมดถ่ายภาพหลักให้เห็นอย่างชัดเจน โดยมีโหมด DR และโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องเพิ่มขึ้นมาจากรุ่น R10

ด้านหลังของตัวกล้องยังคงเป็นที่อยู่ของจอ LCD ขนาด 3 นิ้วที่ได้รับการอัพเกรด ให้มีความละเอียดที่สูงมากถึง 920,000 พิกเซล โดยมีองศาในการมองภาพที่กว้างและมีค่าความเปรียบต่างที่สูงทำให้ง่ายต่อการมองภาพเพื่อถ่ายภาพและชมภาพที่ถูกถ่ายมา อีกทั้งยังได้รับการเคลือบผิวแบบพิเศษเพื่อเพิ่มความทนทานต่อการเกิดรอยขีดข่วน รอยนิ้วมือและยังป้องกันแสงสะท้อนที่อาจจะเกิดขึ้นในขณะใช้งานกลางแจ้งได้เป็นอย่างดี ด้านข้างของจอ LCD ได้มีการจัดวางปุ่มควบคุมเอาไว้อย่างเป็นระเบียบโดยมีแผ่นยางกันลื่นทรงสี่เหลี่ยมขนาดเล็กที่มีสันนูนขึ้นมารับกับนิ้วมือที่ทำให้สามารถจับกล้องได้อย่างถนัดมือและง่ายต่อการควบคุมแท่งจอยสติกแบบสี่ทิศทางที่ใช้ปรับตั้งภาพแฟลช โหมดมาโคร และใช้เป็นปุ่มกดเพื่อตั้งค่าตามที่ต้องการ ต่ำลงมาเป็นปุ่มเล่นภาพทรงกลม ปุ่มเมนู ปุ่ม Fn ปุ่มลบภาพ และปุ่ม Display ทรงสี่เหลี่ยมแบบที่สามารถกดใช้งานได้อย่างสะดวกชัดเจนไม่สับสน

หัวใจหลักของกล้อง CX1 ที่ทำให้กล้องรุ่นนี้มีความโดดเด่นและแตกต่างไปจากรุ่น R10 ก็คือการที่ Ricoh ได้ตัดสินใจเปลี่ยนเซ็นเซอร์ภาพจากแบบ CCD มาเป็นเซ็นเซอร์ภาพแบบ CMOS ความละเอียดขนาด 9.2 ล้านพิกเซล ที่สามารถเก็บรายละเอียดต่างๆ ของภาพออกมาได้อย่างครบถ้วนสวยงามควบคู่ไปกับระบบประมวลผลภาพรุ่นใหม่ล่าสุดแบบ Smooth Imaging Engine IV ที่สามารถถ่ายทอดสีสันและรายละเอียดของภาพได้อย่างครบถ้วน คมชัด สวยงามเป็นธรรมชาติ ลดการเกิด Noise ในภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีการพัฒนารูปแบบในการประมวลผลภาพให้มีประสิทธิภาพสูง

โดยเฉพาะในการจัดการกับค่าไดนามิกเรนจ์ที่กว้างมากขึ้นจากปกติได้ถึง +1EV เมื่อเทียบกับรูปแบบการทำงานแบบเดิม

กล้อง CX1 ยังคงเลือกใช้เลนส์ซูมมุมกว้างกำลังขยายขนาด 7.1x แบบออปติคอล ที่ให้ช่วงความยาวโฟกัสอันทรงพลังขนาด 28-200 มม. (เทียบเท่า) ซึ่งได้รับการออกแบบให้สามารถซ่อนเก็บอยู่ภายในบอดี้กล้องที่กะทัดรัดได้อย่างน่าทึ่งโดยมีการเริ่มต้นทำงานได้อย่างรวดเร็วทันใจเช่นเดียวกับการซูมภาพจากช่วงเลนส์มุมกว้างไปยังช่วงเลนส์เทเลโฟโต้ที่นุ่มนวล รวดเร็ว ไม่สะดุดหรือติดขัด นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันช่วยในการซูมภาพแบบ Step Zoom ที่กล้องจะทำการล็อกค่าความยาวโฟกัสออกเป็น 7 ช่วง ตั้งแต่ 28 มม., 35 มม., 50 มม., 85 มม., 105 มม., 135 มม. และ 200 มม. (เทียบเท่า) ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการปรับซูมภาพได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ซึ่งทาง Ricoh ยังได้มีการพัฒนาระบบปรับโฟกัสอัตโนมัติให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ทำให้มีความเร็วในการปรับโฟกัสแบบอัตโนมัติ (AF Speed) ที่รวดเร็วมากขึ้นจากกล้องรุ่นเดิมทั้งในสภาพแสงสว่างจ้าและแสงต่ำได้อย่างชัดเจน

กล้อง CX1 มีโหมดถ่ายภาพมาตรฐานตามปกติให้เลือกใช้อย่างมากมายตั้งแต่โหมดถ่ายภาพอัตโนมัติ (Auto Shooting Mode) โหมด Easy ที่เน้นความเรียบง่ายในการใช้งานแต่ยังสามารถปรับตั้งค่าบางอย่างได้ โหมด Scene ที่มีให้เลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ถ่ายภาพต่างๆ อาทิ โหมดถ่ายภาพบุคคล โหมดตรวจจับใบหน้า โหมดกีฬา โหมดทิวทัศน์กลางคืน โหมดมาโครซูม โหมดแก้ไขภาพบิดเบือน (Skew Correct Mode) และโหมด Text เป็นต้น โดยได้มีการบรรจุโหมดถ่ายภาพใหม่ล่าสุดที่น่าสนใจเพิ่มขึ้นมาอีก 2 โหมดได้แก่โหมด Dynamic Range Double Shot Mode (DR) และโหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง (Continuous Mode) ซึ่งในโหมด DR กล้องจะเพิ่มค่าไดนามิกเรนจ์ให้กับภาพที่มีค่าความเปรียบต่างที่สูงมากๆ อย่างเช่นภาพทิวทัศน์ชายทะเลที่มักจะมีสภาพแสงในส่วนสว่างและบริเวณเงาดำที่แตกต่างกันมาก ด้วยการบันทึกภาพที่มีค่าการเปิดรับแสงที่ต่างกัน 2 ภาพ(ต่อเนื่องกัน) จากนั้นจึงนำมารวมกันเป็นภาพเดียวกันโดยอัตโนมัติ ที่ทาง Ricoh กล่าวว่าจะช่วยขยายค่าไดนามิกเรนจ์ออกไปได้มากถึง 12EV

ส่วนโหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง (Continuous Mode) นั้นผู้ใช้สามารถเลือกการถ่ายภาพต่อเนื่องได้ด้วยความเร็วสูงถึง 4 ภาพต่อวินาทีด้วยความละเอียดปกติ (Normal Continuous mode) หรือจะเป็นแบบ M-cent plus ที่กล้องจะบันทึกภาพด้วยความเร็ว 30 ภาพต่อวินาทีในเวลา 1 วินาที หรือ 15 ภาพต่อ 2 วินาที ในเวลา 2 วินาที จากการกดปุ่มชัตเตอร์แช่เพียงครั้งเดียวตลอดเวลา 1 หรือ 2 วินาที โดยทั้ง 2 แบบนี้จะได้ภาพที่มีความละเอียดลดลงเหลือเพียง 2 ล้านพิกเซล แต่ถ้าต้องการความเร็วสูงระดับ 120 ภาพต่อวินาที ในช่วงเวลา 1 วินาที หรือ 60 ภาพต่อวินาที ในเวลา 2 วินาที คุณภาพของภาพก็จะลดลงเหลือที่ VGA ซึ่งมีประโยชน์มากในการนำมาใช้ศึกษาแอ็คชั่นต่างๆ ได้อย่างละเอียดชัดเจน อย่างเช่น การวิเคราะห์วงสวิงกอล์ฟได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้แล้วกล้อง CX1 ยังมีฟังก์ชันถ่ายภาพที่มีประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นสเกลบอกระดับความเอียงของกล้อง (Electronic Level Function) ฟังก์ชัน Multi-target AF ที่จะบันทึกภาพที่มีจุดโฟกัสที่แตกต่างกัน 7 ภาพให้โดยอัตโนมัติ ระบบป้องกันการสั่นไหว (Blur reduction) ระบบตรวจจับใบหน้าที่มีประโยชน์ หรือจะเป็นโหมดมาโครที่สามารถบันทึกภาพได้ใกล้เพียง 1 เซนติเมตร รวมถึงฟังก์ชันการปรับแต่งภาพในตัวกล้อง อาทิ การปรับค่า Level การปรับโทนสีภาพ การตัดส่วนภาพ เป็นต้น


ขอบคุณที่มา : technology.impaqmsn.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น